วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บินเดี่ยวไปกับสายลม 2557 หล่อพระและทำบุญบนดอย - บทที่ 3 ขึ้นเขา ลงห้วย -

บินเดี่ยวไปกับสายลม ๒๕๕๗ หล่อพระและทำบุญบนดอย 
- บทที่ ๓ ขึ้นเขา ลงห้วย -

เมื่อพระอาจารย์ฮวดและทีมหล่อพระถ่ายของจากหกล้อใส่รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นทีเรียบร้อย เราก็พร้อมที่จะเดินทางไปบ้านเมโลเด เจ้า "นิลมังกร" ถูกสับเกียร์จาก 4HI เป็น 4LO เนื่องจากหนทางข้างหน้านั้นทุรกันดารทั้งขึ้นเขาสูงชัน ทั้งลงห้วยที่ดีว่าน้ำไม่ค่อยมากนักในฤดูนี้ หนทางนี้ถ้าเป็นฤดูน้ำหลากจะไม่สามารถสัญจรไปมาได้
ข้ามน้ำแม่เงา เขตแดนเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน
หลังจากที่เราข้ามน้ำแม่เงาจากฝั่งสบเมย แม่ฮ่องสอน มาฝั่งอมก๋อย เชียงใหม่แล้ว เส้นทางลูกรังเป็นลอนคลื่น เป็นหลุมเป็นบ่อ เลาะคันนาขั้นบันไดของชาวบ้านพาเรามาถึงเชิงดอย ระหว่างทางรถนำมีปัญหาต้องแวะจัดการมัดของท้ายรถใหม่และให้เราขึ้นหน้าไปก่อน เมื่อขึ้นดอยไปไม่ไกลก็ผ่านหมู่บ้านจือทะ หนทางที่ขึ้นชันมีต่อไปอีกระยะหนึ่งก็เริ่มทิ้งตัวลดระดับลง ด้วยสัญชาติญาณทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจบอกโยมชาลีคนขับให้เลี้ยวขวาที่ทางแยกรูปตัว T ไม่นานเราก็ถึงทางลงห้วย น้ำใส ไหลแรง แต่ไม่ลึก อุปสรรคคือตลิ่งที่ชัน มีหลุมดักล้อขวาในขาลง ส่วนขาขึ้นตลิ่งชันไม่แพ้กันและมีรากไม้ดักล้อหน้าซ้ายอยู่ แต่เจ้า "นิลมังกร" ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หัวใจใหม่ ๑,๕๐๐ ซี.ซี. รหัสรุ่นเครื่อง G15A พาเราขึ้นจากห้วยอย่างสบายๆ ไม่นานนักเราก็ถึงที่หมายแรก สำนักสงฆ์บ้านเมโลเด มณฑลแห่งพิธีหล่อพระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจองค์แรกบนดอย (คลิ๊กที่แผนที่ด้านล่างนี้ไปดูแผนที่เต็มได้)
เส้นทางจากอุทยานแห่งชาติแม่เงา ไปบ้านเมโลเด
ใช้เวลาอยู่ที่เมโลเดได้ไม่นาน หลังจากพระอาจารย์ฮวดนำของมาลงและสั่งการประสานงานต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยดี ท่านก็นิมนต์คณะของเรา รวมกับคณะของท่านเจ้าอาวาสวัดจอมแจ้ง อ.แม่สะเรียง ที่เข้ามาอยู่มะโลเดก่อนแล้ว ให้ไปพิจารณาสถานที่เทปูนหล่อพระหลวงพ่อทันใจองค์ที่ ๒ ที่บ้านทีสะนอ เขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

ขบวนเราคือ Toyota LN106 ของชาวบ้านที่มาช่วยพระอาจารย์ฮวดขนของ กับเจ้า "นิลมังกร" ขับตามๆ กันไปย้อนทางเดิมถึงสบโขงมุ่งหน้าไปทางอุมโล๊ะมีทางแยกซ้ายเป็นทางทรายมุ่งหน้าไปลงน้ำแม่เงาที่ทั้งลึกทั้งไหลแรงกว่าบริเวณบ้านสบโขงจนพระอาจารย์ฮวดไม่แน่ใจในสมรรถนะของ "นิลมังกร" ถึงกับต้อง ว. มาถามว่าจะไปไหวไหม

อันที่จริง Suzuki Caribian รหัส SJ413 นั้นเตี้ยกว่า LN106 ไม่ใช่น้อย แต่เจ้า "นิลมังกร" ได้ผ่านการเพิ่มส่วนสูงไม่ต่ำกว่า ๗ นิ้ว ประกอบกับยางระดับ ๓๑ นิ้ว ทำให้ช่วงล่างโดยรวมสูงกว่า LN106 พอประมาณทีเดียว ถ้า LN106 ไปได้ เชื่อว่า "นิลมังกร" ก็ไปได้เหมือนกัน แต่ข้าพเจ้าตอบ ว. ไปแบบถ่อมตัวว่าขอดูเชิงก่อน เมื่อเห็น LN106 ข้ามไป ข้าพเจ้าจึง ว. แจ้งให้พระอาจารย์ฮวดนำไปได้เลย



ตลอดหนทางจากข้ามน้ำแม่เงา ไปจนถึงที่ก่อสร้างสำนักสงฆ์บ้านทีสะนอ เราต้องข้ามน้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ถ้าดูจากแผนที่ (แผนที่ เมโลเด-ทีสะนอ)จะเห็นว่าน้ำที่เราข้ามนั้นเป็นห้วยเดียวแต่คดไปโค้งมา ไม่ถึง ๒๐ นาทีเราก็ถึงจุดหมาย
สถานที่ก่อสร้างสำนักสงฆ์บ้านทีสะนอ

กุฏิชั่วคราวสำหรับทีมก่อสร้าง

ลำห้วยที่ไหลผ่านหน้าสำนัก เป็นห้วยเดียวกับที่เราข้ามมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
พระอาทิตย์ลดระดับลงทุกที แต่พระอาจารย์ฮวดก็ยังสาละวนอยู่กับการสั่งการประสานงานเรื่องสร้างฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจองค์ที่ ๒ ที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน  อันที่จริงการหล่อหลวงพ่อทันใจองค์ที่ ๒ นี้ไม่อยู่ในแผน แต่ทุกฝ่ายไม่แน่ใจว่าถ้าหล่อองค์แรกที่เมโลเดแล้ว ทีมหล่อพระจะได้โอกาสขึ้นมาอีกเมื่อไร (คนขับหกล้อเปรยๆ ว่าถ้าให้มาอีกคงคิดหนัก เพราะทางโหดเหลือเกิน)

เราขอตัวเดินทางมุ่งสู่ที่หมายที่เราจะพักแรมกันคือวัดศิริห้วยมะน้ำ ไทย-มาเลเซีย โดยมี ปุ๊กคา ลูกศิษย์วัดนั่งมากับเราเพื่อบอกทางและจัดที่พักน้ำฉันน้ำใช้ให้เมื่อเราไปถึงวัด การเดินทางใช้เส้นทางย้อนกลับมาที่สบโขงแล้วตรงไป ขึ้นดอยประมาณ ๔ กิโลเมตร เส้นทางนี้ไม่ต้องข้ามน้ำ แต่ว่าสูงชันและมีร่องน้ำ ถ้าขับกลางคืนไม่ชินทางจะลำบากมาก (แผนที่ ทีสะนอ-ห้วยมะน้ำ)



ข้าพเจ้าสรงน้ำสรงท่าเรียบร้อย มายืนคุยกับโยมๆ ที่กำลังเตรียมอาหารเย็นง่ายๆ จากเสบียงสำเร็จรูปในรถสักพักหนึ่ง ฉันน้ำปานะแล้วก็แยกไปกุฏิเพื่อจัดการกับไฟล์วีดีโอบันทึกเส้นทาง
กุฏิที่ห้วยมะน้ำ
บรรยากาศวัดศิริห้วยมะน้ำ ไทย-มาเลเซีย
วิธีหุง (อุ่น) ข้าวเย็นของโยมๆ

ค่ำๆ ได้ยินเสียงเด็กๆ มาทำวัตรสวดมนต์กัน ต้องชื่นชมพระอาจารย์ฮวดที่สามารถสอนให้เด็กๆ สวดมนต์แปลได้อย่างคล่องแคล่วไม่ต้องเปิดหนังสือ และมาสวดมนต์ที่วัดอย่างสม่ำเสมอแม้พระอาจารย์จะไม่อยู่ก็ตาม  เมื่อข้าพเจ้าจัดการกับไฟล์วีดีโอเรียบร้อยจึงได้ขึ้นศาลาไปร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น และพาเด็กๆ เจริญจิตภาวนานั่งสมาธิ เสร็จแล้วถือโอกาสมอบทุนการศึกษาให้เด็กๆ ที่มาสวดมนต์ทุกคน คนละนิดละหน่อย

ระหว่างที่ข้าพเจ้ากำลังจะเคลิ้มหลับอยู่ในถุงนอนที่กุฏิ ได้ยินเสียงพระอาจารย์ฮวดเดินมา คิดว่าน่าจะใกล้ๆ ๔ ทุ่มแล้ว จึงเปิดประตูรับและนิมนต์ท่านให้เข้ามาสนทนากันด้านในเนื่องจากอากาศด้านนอกนั้นหนาวไม่ใช่เล่น ปรากฎว่าท่านตั้งใจจะมาปิดไฟระเบียงที่ข้าพเจ้าลืมปิดก่อนนอน ท่านเกรงว่าไฟจะหมดตอนเช้าจะไม่มีใช้ (ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์)

เพราะกลัวจะลืมข้าพเจ้าจึงได้รีบถวายปัจจัยให้พระอาจารย์ฮวด ๕,๐๐๐ บาท กับที่มีญาติโยมถวายมาร่วมสร้างพระอีก ๒,๓๐๐ บาท ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปจำวัดพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายกลับมามีแรงกำลัง วันพรุ่งนี้ยังมีภารกิจหลายอย่างรอเราอยู่

--โปรดติดตามตอนต่อไป--

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

กลับขึ้นบนสุด