วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บินเดี่ยวไปกับสายลม 2557 หล่อพระและทำบุญบนดอย - บทที่ 7 ประเดิม -

บินเดี่ยวไปกับสายลม ๒๕๕๗ หล่อพระและทำบุญบนดอย
- บทที่ ๗ ประเดิม -

วันนี้ (๘ ก.พ. ๕๗) เป็นวันสบายๆ ไม่มีกำหนดการอะไร ถือว่าเป็นวันพักผ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราเลื่อนกำหนดการเทปูนหล่อพระพุทธรูปเป็นวันพรุ่งนี้

เมื่อตื่นมาตอนเช้าทำธุระส่วนตัวได้ไม่นาน ชาวบ้านห้วยมะน้ำเริ่มทะยอยกันมาใส่บาตร แต่พระอาจารย์ฮวด เจ้าสำนัก ท่านค้างจำวัดอยู่ที่เมโลเด ข้าพเจ้าจึงต้องเป็นผู้รับศรัทธาแทน

ธรรมเนียมที่บนดอยนี้ และหลายๆ หมู่บ้านในแถบ อ.สบเมย เท่าที่ข้าพเจ้าได้สัมผัส คือญาติโยมจะมาใส่บาตรที่วัด พระภิกษุไม่ต้องออกไปบิณฑบาต คงเป็นเพราะว่าบนดอยนี้ญาติโยมแต่ละครอบครัวมีเวลาตื่น เวลาทำกับข้าวแตกต่างกันไป หากพระออกไปบิณฑบาตบางบ้านข้าวสุกแล้ว บางบ้านข้าวยังไม่สุก ญาติโยมจึงนิมนต์ให้พระคุณเจ้ารออยู่ที่วัด ข้าวสุกเมื่อไรก็จึงนำมาใส่บาตร เท่าที่สังเกตดูโยมคนแรกที่มาใส่บาตร กับโยมคนสุดท้าย ทิ้งช่วงเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมงเลยทีเดียว

ฉันเช้าเสร็จ แบ่งข้าวไว้ฉันเพลเล็กน้อยแล้วจึงได้สละอาหารบิณฑบาตให้โยมชาลี โยมฟ้า และปุ๊กคา ทานกัน เมื่ออิ่มหนำสำราญกันทั่วหน้า คณะเราใช้เวลาเก็บสิ่งของสัมภาระต่างๆ ขึ้น "นิลมังกร" คืนนี้เราจะย้ายที่นอนไปนอนกันที่เมโลเด จนใกล้ๆ เพลโยมๆ จึงช่วยกันทำอาหารจากเครื่องกระป๋อง ของแห้งต่างๆ ที่เรานำมา โดยมีโยมชาลีรับหน้าที่พ่อครัวหัวป่าก์
พ่อครัวหัวป่าก์ โยมชาลี
พระฉันเพล โยมทานข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย ทิ้งให้ข้าวเรียงเม็ดดี เราเก็บของที่เหลือขึ้นรถแล้วออกเดินทางไปบ้านเมโลเดทันที เมื่อไปถึงจึงได้รู้ว่าทั้งพระอาจารย์ฮวด และหลวงพี่เชอร์รี่ต่างมีภารกิจด่วน ต้องเข้าไปในเมืองไปหาซื้อโม่ผสมปูน

อันที่จริง พระอาจารย์ฮวดได้ติดต่อขอเช่าโม่ผสมปูนจากผู้รับเหมาที่มารับงานในหมู่บ้านใกล้ๆ ไว้แล้ว และเขาก็รับคำมั่นเหมาะ พอถึงเวลาจริงๆ กลับบอกว่าได้ขายโม่ไปแล้ว ทำให้ต้องออกไปหาโม่เป็นการด่วน เนื่องจากต้องใช้งานในวันรุ่งขึ้น

จากบริเวณศาลาของสำนักสงฆ์บ้านเมโลเด ต้องเดินเท้าขึ้นดอยเตี้ยๆ จึงจะถึงบริเวณที่จะสร้างพระพุทธรูป ที่นี่เองข้าพเจ้าได้มีโอกาสประเดิมเทปูนหล่อองค์พระเป็นคนแรก เพราะตามขั้นตอนแล้วจะต้องเทปูนหล่อพระหัตถ์ทั้ง ๒ ข้างไว้ก่อนวันเทจริง เมื่อพระทีมงานช่างหล่อจากวัดสระพัง จ.นครปฐม เห็นว่าทั้งพระอาจารย์ฮวดก็ดี หลวงพี่เชอร์รี่ก็ตาม ต่างไม่อยู่ในมณฑล จึงได้นิมนต์ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้เทปูนเป็นปฐม
เดินไปดูเขาประกอบแบบเฉยๆ แต่กลับได้เทปูนประเดิม
เทปูนหล่อพระหัตถ์ ๒ ข้าง ใช้ปูน ๓ ลูก
เด็กๆ มาช่วย ตั้งแถวส่งถังปูนเปล่า
เมื่อเทปูนหล่อพระหัตถ์เสร็จ คณะเราเริ่มมองหาที่นอนคืนนี้ บนศาลาทั้งหลังเก่า หลังใหม่ ต่างก็แออัด ที่ทางถูกจับจองโดยพระในพื้นที่ พระทีมงานช่างหล่อ พระอาคันตุกะ ฯลฯ จึงตัดสินใจกางเต้นท์นอน ดีว่าข้าพเจ้านำเต้นท์ติดรถมาด้วยถึง ๒ หลัง ทีแรกตั้งใจว่าหลังใหญ่ไว้นอนเอง หลังเล็กไว้เผื่อโยมชาลี แต่กลับกลายเป็นว่าข้าพเจ้าต้องนอนหลังเล็ก สละหลังใหญ่ให้โยมชาลี โยมฟ้า และปุ๊กคา นอนอัดกัน ๓ คน
บรรยากาศดี กางเต้นท์นอนสบายใกล้ๆ ที่จอด "นิลมังกร"
เสียงอาจารย์ฮวดดังมาจากวิทยุสื่อสาร แจ้งว่ามาถึงสบโขงแล้วและให้ออกไปรับด้วย ข้าพเจ้าจึงนำ "นิลมังกร" ออกไป สวนกับรถของโยมจากแม่สะเรียงที่พระอาจารย์ฮวดนั่งมาด้วย ข้ามน้ำไปรับโยมแดง และโยมนิตยาที่เดินทางมากับหลวงพี่เชอร์รี่ สอบถามได้ความว่าหลวงพี่เชอร์รี่ต้องไปอำเภอจอมทอง เชียงใหม่ เพื่อหาซื้อโม่ผสมปูน ยังไม่กลับเข้ามา

ช่วงหัวค่ำ โยมนิตยาต้องเป็นแม่ครัวจำเป็น เตรียมเครื่องก๋วยเตี๋ยวสำหรับเลี้ยงดูผู้ที่มาร่วมหล่อพระวันรุ่งขึ้น โดยมีโยมแดง โยมฟ้า ปุ๊กคา และโยมจากแม่สะเรียงคอยช่วย แม้แต่ข้าพเจ้าเองยังได้ช่วยหั่นพริกทำน้ำส้มพริกดอง หั่นต้นหอมผักชี เพราะดูๆ แล้ว ถ้าไม่ช่วยคงนานกว่าจะแล้วเสร็จ ถึงกระนั้นก็ตามกว่าเราจะเสร็จงานและได้พักผ่อนก็ล่วงไปถึงเที่ยงคืนแล้ว

ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บค่ำคืนนั้นข้าพเจ้าหลับฝันว่ามีนางฟ้ามาก่อกองไฟทางเบื้องซ้ายใกล้ๆ กับเต้นท์นอน ทำให้ข้าพเจ้าหลับสบายจนถึงเช้า

-- โปรดติดตามตอนต่อไป --

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

กลับขึ้นบนสุด