วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บินเดี่ยวไปกับสายลม 2557 หล่อพระและทำบุญบนดอย - บทที่ 8 เสร็จภารกิจ -

บินเดี่ยวไปกับสายลม ๒๕๕๗ หล่อพระและทำบุญบนดอย
(พระมหานัธนิติ สุมโน)
- บทที่ ๘ เสร็จภารกิจ -

ฤกษ์งามยามดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานให้กับพวกเราทุกๆ คน คือฤกษ์สะดวก ทำดี พูดดี คิดดีเมื่อไร ถือว่าเป็นฤกษ์ดีเมื่อนั้น ด้วยเหตุนี้วันนี้ (๙ ก.พ. ๕๗) เป็นวันที่พวกเราจะได้ทำดีครั้งใหญ่ คือเป็นวันทำพิธีเทปูนหล่อพระหลวงพ่อทันใจ ดังนั้นจึงจัดเป็นฤกษ์ดีวันดี

อากาศที่เมโลเดนี้หนาวเย็นกว่าที่ห้วยมะน้ำ คงเพราะอยู่ใกล้ลำน้ำใหญ่ หลังจากบิดไปมาอยู่ในถุงนอนด้วยความอาลัยในความอบอุ่น ข้าพเจ้ากลั้นใจลุกออกมาจากเต้นท์ มารับอากาศอันแสนสดชื่นไปด้วยไอหมอกและหยาดน้ำค้าง

ควันไฟกรุ่นๆ ลอยจากกองฟืนที่พึ่งจะมอดดับไปทางเบื้องซ้ายของเต้นท์ข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าที่ข้าพเจ้าฝันว่ามีนางฟ้ามาก่อกองไฟเมื่อคืนนี้นั้นไม่ใช่ความฝัน ต่อมาภายหลังข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าที่แท้เป็นปุ๊กคา ลูกศิษย์วัดห้วยมะน้ำนั่นเองที่ทนความหนาวไม่ไหว ลุกขึ้นมาก่อไฟผิงกองโต

หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปฉันเช้ากับบรรดาพระทีมงานช่างหล่อบนศาลาแล้ว ราวๆ ๒ โมงเช้า หลวงพี่เชอร์รี่กับโยมแดงพึ่งจะกลับเข้ามาถึงเมโลเด เมื่อคืนราวๆ ๔ ทุ่ม โยมแดงต้องออกจากเมโลเดไปกลอโค๊ะ เพื่อไปเอาเครื่องมือช่างที่จำเป็นต้องใช้แต่ดันไปลืมทิ้งไว้ที่นั่น จะเรียกว่าลืมคงไม่ถูก เพราะโยมที่เอาลงจากรถเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของพระที่นั่น

เมื่อถึงเวลาอันสมควรตุ๊ป้อมหาสิงห์ขึ้นไปทำพิธีบวงสรวงบนพื้นที่มณฑลพิธี พระอาจารย์ฮวดได้นิมนต์ให้ข้าพเจ้าขึ้นอาสนะเจริญพระพุทธมนต์  บอกตรงๆ ว่าเจริญพระพุทธมนต์ทำนองล้านนานี่ไปไม่เป็นทุกที ทุกบทที่สวดกันข้าพเจ้าท่องได้ สวดได้ สวดมาเป็น ๑๐ ปี แต่พอมาใส่ทำนองแบบทางเหนือนี่แทบจะไม่สามารถสวดตามได้เลยแม้กระทั่งบทตั้งนะโม ตัสสะ ภะคะวะโตฯ
มณฑลพิธีเทปูนหล่อพระที่เมโลเด

ตุ๊ป้อมหาสิงห์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ลำพูน มาเป็นองค์ทำพิธีบวงสรวง

อาสนะพระพิธีเจริญพระพุทธมนต์

ร่วมแรงร่วมใจ สร้างพระพุทธรูปด้วยแรงกายแรงใจของทุกๆ คน
 แม้วันนี้ข้าพเจ้าจะไม่ได้ลงมือเทปูนเอง แต่ก็ได้ร่วมอนุโมทนา และประกอบกับที่ข้าพเจ้าได้ประเดิมเทปูนหล่อพระหัตถ์ทั้ง ๒ แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ก็นับได้ว่าภารกิจหลักที่ตั้งใจมาได้สำเร็จเสร็จลุล่วงตามปรารถนา

ภารกิจหลักคือหล่อพระ ๑ และทำบุญกับโรงเรียนอีก ๑ ทั้งหมดได้ถูกสะสางเรียบร้อย แม้ข้าพเจ้าจะยังอาลัยอาวรณ์ อยากอยู่ต่อจนหล่อพระเสร็จ ไม่เฉพาะองค์นี้ที่เมโลเด ยังที่ทีสะนอ และกลอโค๊ะด้วย แต่ก็ไม่สามารถอยู่ได้ ตามกำหนดการจริงๆ วันนี้ข้าพเจ้าจะต้องออกเดินทางกลับถึงอยุธยาวันนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินพรุ่งนี้ (๑๐ ก.พ. ๕๗) เพราะจะต้องมาเตรียมจัดปฏิบัติธรรมวันมาฆบูชา (๑๔ ก.พ. ๕๗)

หลังจากร่วมพิธี ในช่วงสายข้าพเจ้าลงจากบริเวณหล่อพระมาเก็บเต้นท์ เก็บเครื่องนอนข้าวของขึ้นรถ ฉันเพลเสร็จก็ได้เวลาต้องอำลาจากบ้านเมโลเด

การเดินทางขากลับไม่ได้ใช้เส้นทางเดิมคือ สบเมย - แม่สะเรียง - ฮอด - ดอยเต่า - ลี้ - เถิน - ตาก แต่ต้องอ้อมเข้าไปตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อภารกิจพิเศษ คือไปรับไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ฯลฯ จากร้านดังในตลาดต้นพะยอมเพื่อนำมาเลี้ยงดูผู้ปฏิบัติธรรมวันมาฆบูชา

กว่าเราจะเจอร้านไส้อั่วที่แม่ชีป้าไก่ หัวหน้าแม่ครัวงานปฏิบัติธรรม ได้โทรสั่งของไว้ล่วงหน้า กว่าจะขนขึ้นรถอีก อะไรอีก ก็เกือบจะค่ำ จึงให้โยมๆ ได้แวะทานอาหารเย็นเป็นผัดไทยริมทางใกล้ๆ ตลาดต้นพะยอมนั่นเอง

ระหว่างที่โยมทานผัดไทย ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงที่พักคืนนี้ เพราะว่าถ้าจะตีรถรวดเดียวถึงอยุธยาเลยก็คงจะไม่ปลอดภัย โยมชาลีขับรถมาตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้พัก จะเปลี่ยนขับก็คงไม่เหมาะเพราะเป็นในเมืองไม่ใช่ในป่า ข้าพเจ้าได้ติดต่อไปยังบ้านพักรับรองของเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ขอจองห้องพัก ซึ่งได้รับการบริการอย่างดี ราคาไม่แพงมีส่วนลดพิเศษให้ด้วย และเมื่อแจ้งว่าเราจะเข้าไปหลังเวลา ๓ ทุ่ม ที่เป็นเวลาปิดทำการ ทางเจ้าหน้าที่ยังให้บริการด้วยการวางกุญแจห้องไว้ให้ที่ front
"นิลมังกร" พร้อมด้วยไส้อั่วเต็มหลังคา หน้าบ้านพักภูฟ้า เขื่อนภูมิพล
คณะเราเดินทางถึงเขื่อนภูมิพลร่วมๆ ๕ ทุ่ม เป็นอีกคืนที่ข้าพเจ้าหลับเป็นตายหลังจากได้สรงน้ำอุ่นๆ จากเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อย

--โปรดติดตามตอนต่อไป--

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

กลับขึ้นบนสุด